รายงานจาก Reuters ระบุว่า ผู้บริโภคสหรัฐฯมีการใช้จ่ายที่สูงขึ้น ท่ามกลางอัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายสัปดาห์ที่ขยายตัวขึ้น จึงเป็นตัวชี้วัดถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และหนุนโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในกระประชุมเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ที่ไม่รวมสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน ขยายตัวได้ในเดือนตุลาคม หลังจากที่ปรับร่วงลงไปในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งได้สร้างความกังวลให้กับธนาคารกลางอย่างมาก

โดยดัชนีการค่าใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ที่ระดับ 1.6% ในเดือนกันยายน จากเดิมที่ระดับ 1.4% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ประเมินว่าน่าจะเกิดจากอัตราการจ้างงานและค่าจ้างที่ขยายตัว

นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกสหรัฐฯยังสามารถขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้ โดยประกาศออกมาที่ระดับ 0.2% ในเดือนตุลาคม ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่ายอดค้าปลีกรายปีจะขยายตัวได้สู่ระดับ 3%

อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวได้ส่งผลกระทบสำหรับแรงงานในสายการผลิตหรือที่ไม่ใช่ระดับหัวหน้างาน มีรายได้เฉลี่ยรายชั่วโมงลดลงไปเล็กน้อยในเดือนตุลาคม แต่ชั่วโมงการทำงานที่มากขึ้น ได้ช่วยให้รายได้รวมของแรงงานเหล่านั้นกลับมีสูงขึ้น โดยรายได้เฉลี่ยรายสัปดาห์ขยายตัวสู่ระดับ 2.6% ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ขณะที่ยอดรายได้เฉลี่ยยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นมานับตั้งแต่ปี 2011

เมื่อพิจารณาข้อมูลที่ยกมาข้างต้นทั้งหมด บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้ปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯรายปีในระดับที่สูงขึ้น ขณะที่โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคมค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้ว

ที่มา: Reuters