สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 เมษายน 2561

ข่าว

สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 เมษายน 2561

12 เมษายน 2561
 

• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจมีการดำเนินการทางทหารในชาติตะวันตกในซีเรีย จึงทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่กระแสความกังวล Trade War ระหว่างสหรัฐฯ-จีน เริ่มเจือจางไป

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.38% ที่ระดับ 106.78 เยน/ดอลลาร์ หลังจากลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดวานนี้บริเวณ 106.65 เยน/ดอลลาร์ หลังสหรัฐฯกล่าวเตือนรัสเซียว่าอาจใช้กำลังทางทหาร จากกรณีถูกกล่าวหาว่าใช้อาวุธเคมีในซีเรีย

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 89.355 จุด แต่รีบาวน์กลับได้หลังรายงานประชุมเฟดยังเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่จะปรับตัวขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นมาเล็กน้อย 0.04% ที่ระดับ 89.547 จุด

• ตลาดการเงินรัสเซียเผชิญแรงเทขายอย่างหนักหลังจากที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายไปยังบริษัทรายใหญ่บางแห่งในรัสเซีย รวมทั้งนักธุรกิจรายใหญ่ของรัสเซีย และส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลร่วงลงแตะ 65.06 ดอลลาร์/รูเบิล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ย. 2016 โดยภาพรวมปรับอ่อนค่าลงไปกว่า 11% นับตั้งแต่ที่เกิดการคว่ำบาตร รวมไปถึงกรณีความขัดแย้งในซีเรียด้วย

• สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อคืนนี้ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ข้อความที่มีเนื้อหากล่าวถึงรัสเซีย ให้ "เตรียมตัวรับ" ขีปนาวุธที่สหรัฐฯ จะยิงถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้กรณีที่มีการใช้อาวุธเคมีเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน และทวิตเตอร์ล่าสุด นายทรัมป์มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียอาจย่ำแย่มากที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็น

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียบางส่วน ข่มขู่จะตอบโต้หากสหรัฐฯทำการโจมตีกองทัพซีเรีย จากกรณีที่รัฐบาลซีเรียถูกสงสัยเป็นผู้ทำการโจมตีหมู่บ้านที่เป็นแหล่งกบดานของกลุ่มกบฏด้วยอาวุธเคมีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลซีเรียก็ยังคงให้การปฏิเสธมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ลงจากความขัดแย้งในกรณีดังกล่าว ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส ยินดีที่จะร่วมมือกันและเชื่อว่าอาจจะมีการเตรียมกำลังทหารเพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธเคมีในช่วงปลายสัปดาห์

• ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์สเปิดเผยในเช้านี้ว่า เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศเปรู กล่าวเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ อย่าดึงประเทศในแถบลาตินอเมริกาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยคำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เปิดเผยว่าจะมีการโน้มน้าวให้บรรดาผู้นำประเทศในแถบลาตินอเมริกาให้ความร่วมมือทางการค้ากับสหรัฐฯและลดการค้ากับจีนลง

• รายงานประชุมเฟดวาระที่ 20-21 มี.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

• ผลการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯประจำเดือนมี.ค. ร่วงลงแตะระดับ -0.1% จากเดิม 0.2% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่พ.ค. 2017 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาแก๊สโซลีน แต่ภาพรวมของเงินเฟ้อสหรัฐฯยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มสุขภาพและการเช่าที่อยู่อาศัย

สำหรับภาพรวมดัชนี CPI รายปียังคงขยายตัวได้ 2.4% หลังจากที่ขยายตัวได้ 2.2% ในเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนี Core CPI ซึ่งไม่รวมความผันผวนของอาหารและพลังงาน ขยายตัวได้ตามคาดที่ 0.2% โดยที่ภาพรวมรายปีขยายตัวได้ 2.1% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.8% ในเดือนก.พ.

• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังรายงานจากซาอุดิอาระเบียระบุว่า กองทัพสามารถยิงสกัดขีปนาวุธเหนือน่านฟ้าประเทศตนเองได้ และจากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่รัสเซียว่าจะมีการดำเนินการทางทหารเกี่ยวกับกรณีซีเรีย

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 1.02 เหรียญ บริเวณ 72.06 เหรียญ/บาร์เรล ทำระดับสูงสุดที่ 73.09 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 1.31 เหรียญ บริเวณ 66.82 เหรียญ/บาร์เรล ทำระดับสูงสุดที่ 67.45 เหรียญ/บาร์เรล

• รายงานจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมชาวบัลแกเรียที่กำลังขนส่งชิ้นส่วนอากาศยานสู่ซีเรีย เนื่องจากเป็นการละเมิดกฎหมายการขนส่งของสหรัฐฯ

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved