สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 เมษายน 2561

ข่าว

สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 เมษายน 2561

23 เมษายน 2561
 






·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากถ้อยแถลงเชิงผ่อนคลายทางการเงินของบีโออี


ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.4ที่ระดับ 90.314 จุด หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบเกือบ 2 สัปดาห์บริเวณ 90.477 จุด


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปี ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. ปี 2008 ที่ระดับ 2.453ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 2 ปี ของเยอรมนีก็ปรับตัวขึ้นมากที่สุด 302 basis points ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ


พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเผชิญแรงเทขายเป็นวันที่ 2 หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10ปี ทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปีนับตั้งแต่ ม.ค. ปี 2014 บริเวณ 2.962% ขณะที่ Yield Curveแสดงถึงภาวะความชัดที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์  และล่าสุดอัตราผลตอบแทน 10 ปีอ่อนตัวลงมาแถวระดับ 2.9602%


ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดูเหมือนจะตอบรับกับภาพทางเทคนิค และการตอบรับของนักลงทุนในตลาดที่ดูจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ


·         ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่มีการส่งสัญญาณว่าจะยังคงแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ จากหลักฐานที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีระดับการขยายตัวในเกณฑ์ทรงตัวที่ดี ขณะที่อีซีบีและบีโออีดูเหมือนจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปยังคงออกมาค่อนข้างหน้าผิดหวัง


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ และส่งผลให้เป็นสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือนท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ปรับลดการถือครองมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ก่อนทราบการประชุมอีซีบีในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าอีซีบีจะยังไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1.2248 ดอลลาร์/ยูโร และส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง 0.39% ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 เดือน ทางด้านค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.4% ที่ระดับ 1.4032 ดอลลาร์/ปอนด์ และภาพรวมรายสัปดาห์ร่วงลง 1.4% ซึ่งเป็นระดับการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 10 สัปดาห์


ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.2ที่ระดับ 107.5 เยน/ดอลลาร์ และภาพรวมขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 107.85 เยน/ดอลลาร์


ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นายมาริโอ ดรากี้ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางต่างๆ รวมทั้งบรรดารัฐมนตรี ว่า ประเทศสมาชิกยูโรโซนทั้ง 19 แห่ง มีทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ก็จำเป็นที่เศรษฐกิจโลกจะต้องแข็งแก่รง และมีการค้าเสรีเพื่อให้การขยายตัวเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า เราอาจเห็นสัญญาณบางอย่างจากการประชุมอีซีบีในวันที่ 26 เม.ย.นี้ (วันพฤหัสบดี)





·         หัวหน้าผู้จัดการด้านค่าเงิน กล่าวว่า การขยายตัวทางกิจกรรมเศรษฐกิจของยูโรโซนมีการอ่อนตัวลงหลังจากที่ปรับตัวอย่างแข็งแกร่งมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2017 ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้อีซีบีอาจมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้

·         เจ้าหน้าที่ทีมบริหารของสหรัฐฯกำลังเตรียมการจัดเจรจาระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ  และระหว่างนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่และเวลาในการเจรจา

·         ในวันเสาร์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้กล่าวว่าจะทำการยุติการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธทุกประการ เพื่อมุ่งเน้นไปที่การผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และความสงบสุขของทั้ง 2 ชาติเกาหลี ก่อนหน้าการประชุมร่วมกับผู้นำเกาหลีใต้และสหรัฐฯ


·         อังกฤษ ระบุว่า แผนการยุติการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออาจเป็นก้าวที่ดีและหวังว่านี่จะเป็นสัญญาณที่ดีในการเจรจา


·         อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเสี่ยงจากภาวะสงครามนิวเคลียร์ยังคงไม่ได้ถูกลบล้างไปโดยสมบูรณ์ และอาจจะต้องใช้เวลาจนกว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะหายไป ถึงแม้ทางเกาหลีเหนือจะประกาศระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม


นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังเปิดเผยว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯจะยังไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ จนกว่าเกาหลีเหนือจะทำการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ทิ้งทั้งหมด ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้ระบุเพียงแค่ว่า พวกเขาจะระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้กล่าวถึงการกำจัดทิ้งแต่อย่างใด

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นโยบายกีดกันผู้อพยพจากชาติมุสลิมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลสูงสุดแห่งสหรัฐฯภายในคืนวันพุธนี้

·         นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาอาจเดินทางเยือนประเทศจีน เพื่อบรรเทาความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ  ขณะที่จีนต้องการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินทางการค้า


·         อย่างไรก็ดี รายงานล่าสุดจากจีน แสดงความยินดีที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯจะเดินทางมาเพื่อหารือแนวทางการดำเนินทางการค้าและเศรษฐกิจ


·         สหภาพยุโรปและเม็กซิโก บรรลุข้อตกลงทางการค้าเสรีฉบับใหม่ หลังจากที่เผชิญกับนโยบายกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ภายใต้การดำเนินนโยบายของนายทรัมป์ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่นจะเข้าร่วมการหารือข้อตกลงฉบับดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ร่วมกับอาเจนตินา, บราซิล, ปารากวัย และอุรุกวัย


·         ในการประชุม G7 มีแนวโน้มที่คณะรัฐมนตรีจะคงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อรัสเซียต่อไป เนื่องจากกรณีที่รัสเซียได้มีการเข้าแทรกแซงความขัดแย้งในยูเครนและซีเรีย แต่ยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับรัสเซีย และการประชุมวาระนี้ร่วมกับ สหรัฐฯอังกฤษแคนาดาเยอรมนีฝรั่งเศสอิตาลีและ ญี่ปุ่น จะสิ้นสุดลงภายในวันจันทร์นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นเดือน มิ.ย.


นอกจากนี้ ในการประชุม G7  รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี เรียกร้องให้รัสเซียช่วยแก้ปัญหาวิกฤตซีเรีย เนื่องจากความขัดแย้งซีเรียได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซีย จากการให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาร์ชาร์ อัล-อัสซัด

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างมีเสถียรภาพหลังจากที่ช่วงต้นตลาดอ่อนตัวลงไป จากคำวิจารณ์ของนายทรัมป์ เกี่ยวกับการที่โอเปกต้องการให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ คิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 74.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ที่ระดับ 68.40 เหรียญ/บาร์เรล



 ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไม นายทรัมป์ถึงทวีตข้อความดังกล่าว แต่รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์สได้ระบุว่า ทางซาอุดิอาระเบียมีความต้องการที่จะให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นไปที่ระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล เพื่อสนับสนุนหุ้น Aram บริษัทน้ำมันรายใหญ่ภายในประเทศ


·         ตัวแทนจากอังกฤษและเกาหลีใต้ กำลังเจรจาเกี่ยวกับการระงับภาษีสำหรับการนำเข้าน้ำมันจากอังกฤษสู่เกาหลีใต้ หลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ถึงแม้การเจรจาจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม



บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved