• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 3% โดยปรับขึ้นมาทำระดับสูงสุดรอบ 4 ปี บริเวณ 2.998% จึงหนุนให้มีการเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น และกดดันให้ค่าเงินยูโรและค่าเงินเยนอ่อนค่า

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับอานิสงส์จากมุมมองเชิงบวกด้านการค้าของนายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่จะเดินทางเยือนจีนและอาจผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนได้

ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.7% ที่ระดับ 90.96 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 18 ม.ค. ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.7% แตะระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 2 เดือน บริเวณ 1.2200 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 1% ที่ระดับ 108.73 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา

• ผลการประกาศข้อมูลยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯปรับขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยในเดือนมี.ค. ปรับขึ้น 1.1% ที่ระดับ 5.6 ล้านยูนิต ท่ามกลางกิจกรรมที่อยู่อาศัยในภูมิภาคทางตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการข่มขู่คุกคามกลุ่มผู้อพยพชาวเม็กซิโกว่าจะมีความเข้มงวดเพิ่มขึ้นภายใต้เงื่อนไขข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ แม้ว่ารัฐมนตรีจากแคนาดา, สหรัฐฯ และเม็กซิโก พยายามที่จะผลักดันร่างกฎหมายฉบับปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้

• คณะบริหารของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าพวกเขาอาจจะลดการคว่ำบาตร Rusal บริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของรัสเซีย ส่งผลให้เกิดแรงเทขายอะลูมิเนียมเข้ามาในตลาดอะลูมิเนียม จนราคาปรับลดลงมากว่า 10%

โดยคณะบริหารมีเงื่อนไขให้ นาย Oleg Deripaska ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซีย ทำการขายหุ้นของ Rusal เพื่อสหรัฐฯจะได้อนุมัติลดคว่ำบาตรรัสเซีย และขยายระยะเวลาให้การทำธุรกิจร่วมกับบริษัทรัสเซียออกไปอีก 5 เดือน จนถึงวันที่ 23 ต.ค.

ทั้งนี้ ราคาอะลูมิเนียมในตลาด London Metal Exchange ก่อนที่จะรับทราบข่าว เคลื่อนไหวอยู่แถวระดับ 2,534 เหรียญ/ตัน และปรับร่วงลงมากว่า 10% สู่ระดับ 2,237 เหรียญ/ตัน หลังจากได้รับข่าวก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปลายตลาดขึ้นมาบริเวณ 2,278 เหรียญ/ตัน

• นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะเริ่มต้นเดินทางเยือนสหรัฐฯเพื่อเข้าพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งการพบกันครั้งนี้มีแนวโน้มว่า ผู้นำฝรั่งเศสอาจจะแสดงความเห็นที่แตกต่างกับสหรัฐฯในเรื่องการค้าและข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

• ขณะที่รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ชาติตะวันตกซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ กำลังกดดัน นายทรัมป์ ให้ยังคงมีข้อตกลงนิวเคลียร์กับทางอิหร่านต่อไป ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องไม่ให้ นายทรัมป์ ทำการยุติข้อตกลงฉบับปี 2015

• ทางการรัสเซีย ปฏิเสธรายงานที่ว่ามีแผนจะขายระบบขีปนาวุธ S-300 หลังจากที่เมื่อวานนี้มีรายงานข่าวว่า รัสเซียเตรียมจะทำการขนส่งเครื่องมือดังกล่าวให้แก่ซีเรียในเร็วๆนี้

• ราคาน้ำมันดิบรีบาวน์กลับขึ้นมาหลังจากที่ร่วงลงในช่วงต้นตลาด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐฯอาจส่งผลต่อผลผลิตน้ำมันของอิหร่าน

น้ำมันดิบ Brent ปิดเพิ่มขึ้น 65 เซนต์ คิดเป็น +0.9% ที่ระดับ 74.71 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดวานนี้บริเวณ 73.13 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 24 เซนต์ ที่ระดับ 68.64 เหรียญ/บาร์เรล โดยรีบาวน์กลับหลังลงไปทำ Low บริเวณ 67.14 เหรียญ/บาร์เรล

• มาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเพื่อปรับสมดุลของตลาดน้ำมัน เริ่มที่จะเห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ท่ามกลางบรรดาผู้ผลิตน้ำมันสหรัฐฯที่พยายามกอบโกยผลกำไรด้วยการเร่งกำลังการผลิตของตน ขณะที่ปริมาณน้ำมันในยูโรโซนปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ทางกลุ่มโอเปก รวมถึงรัสเซียได้มีการตกลงกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 1.8 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อปรับสมดุลของตลาดน้ำมันที่มีปริมาณอุปทานสูงเกินไป และเพื่อช่วยหนุนให้ราคาน้ำมัน Brent สามารถปรับสูงขึ้นมาได้

ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้น ทำให้น้ำมันจากรัสเซีย ไนจีเรีย และผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆในทวีปยุโรป ถูกขายออกไปได้ยากขึ้น

อย่างไรก็ดี ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะปรับสูงขึ้นแตะระดับ 10.7 ล้านบาร์เรล/วัน ภายในปีนี้ ซึ่งจะเทียบเท่ากับปริมาณการผลิตน้ำมันของรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย