ขณะที่ค่าเงินยูโรถูกกดดันลงมาจากความตึงเครียดทางการเมืองในอิตาลี ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสหภาพยุโรป โดยค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาได้เล็กน้อยบริเวณ 1.1705 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 1.1676 ดอลลาร์/ยูโร
สำหรับค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับอ่อนค่าลง 0.6% บริเวณ 109.45 เยน/ดอลลาร์ หลังจากอ่อนค่าลงไปถึง 0.73% ซึ่งเป็นอัตราปรับอ่อนค่าลงที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่แถวบริเวณ 109.61 เยน/ดอลลาร์ โดยในภาพรายวันปรับอ่อนค่าลงไป 0.4%
· ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 6 เดือน ท่ามกลางจีนที่ส่งสัญญาณเชื่อมั่นต่อค่าเงินยูโร แต่ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในยุโปและความเสี่ยงทางการเมืองในอิตาลียังเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันค่าเงินยูโรอยู่
ค่าเงินยูโรร่วงลงติดต่อกัน 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับ่ค่าเงินดอลลาร์ และถือเป็นการปรับลงต่อเนื่องรายสัปดาห์ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ม.ค. ปี 2015
วันนี้ค่าเงินยูโรดีดกลับมาบริเวณ 1.1725 ดอลลาร์/ยูโร หลังลงไปทำต่ำสุดรอบ 6 เดือนที่ระดับ 1.1676 ดอลลาร์/ยูโร แต่ตลาดยังมีมีแรงจำกัดจากเศรษฐกิจและภาวะตึงเครียดทางการเมืองในยุโรปอยู่
นายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ภาพระยะยาวของจีนและนักลงทุนดูจะตอบรับกับค่าเงินยูโร และหวังว่าค่าเงินยูโรจะแข็งค่าได้อย่างมีเสถียรภาพ เพื่อแก้ไขกับวิกฤตหนี้สินในยุโรปได้
ประธานาธิบดีอิตาลี แต่งตั้งให้นาย จูเซปเป้ คอนติ มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิตาลีเป็นครั้งแรกในบทบาททางการเมือง และเขาอาจสร้างความสั่นคลอนในสหภาพยุโรปได้
· ดัชนีวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภค Nuremberg ของเยอรมนี ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 10.7 จุด ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 10.8 จุด จึงเป็นสัญญาณว่าการค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนในเยอรมนี ที่เป็นปัจจัยหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในช่วงเดือนต่อๆไป
· นายมาโคโตะ ซากุราอิ สมาชิกบอร์ดบริหารบีโอเจ กล่าวว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจได้ พร้อมเสนอให้บิโอเจพิจาณาทยอยเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินให้มีความคุมเข้มมากขึ้นทีละน้อย หากเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม นายซากุราอิ ยังคงยืนยันว่า ยังเร็วเกินไปที่บีโอเจจะเริ่มทยอยลดนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในเร็วๆนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายที่ 2% ประกอบกับปัญหาของแรงงานที่ขาดแคลน จึงไม่ช่วยให้อัตราค่าจ้างขยายตัวขึ้นได้
· กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตัดสินใจยกเลิกการส่งคำเชิญให้กองทัพเรือของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) เข้าร่วมปฏิบัติการซ้อมรบร่วมประจำปีในมหาสมุทรแปซิฟิก "ริมแพค" ( RIMPAC ) ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมิ.ย. นี้ เนื่องจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหารของพีแอลเอ โดยมี "หลักฐานที่แน่ชัด" เป็นภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงการที่พีแอลเอลำเลียงระบบต่อต้านขีปนาวุธ มาติดตั้งบนเกาะเทียมบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์
· โฆษกประจำรัฐบาลจีน กล่าวประนามสหรัฐฯ เนื่องจากทางสหรัฐฯไม่มีการเชิญกองทัพจีนให้เข้าร่วมการซ้อมรบทางน่านน้ำในบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นอาณาเขตของจีน
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มสมาชิกโอเปกจะเพิ่มกำลังการผลิต เมื่อเผชิญกับความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานจากทั้งเวเนซุเอลาและอิหร่าน
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 0.46% ที่ระดับ 79.43 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.38% ที่บริเวณ 71.57 เหรียญ/บาร์เรล
· ธปท. ระบุว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา เนื่องจากราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นได้อีก ซึ่งประเทศไทยมีความต้องการใช้น้ำมันที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับระดับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เมื่อน้ำมันมีราคาสูงขึ้นย่อมจะส่งผลกระทบต่อการบริโภค รวมทั้งต้นทุนธุรกิจ และต้นทุนทางเศรษฐกิจที่จะต้องสูงขึ้นด้วย
· CEO ปตท. ยอมรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ซึ่ง ปตท. จะดูแลค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้มาอยู่ที่ 65-70 เหรียญ/บาร์เรล