สิ่งที่ควรรู้ก่อนประชุดเฟดคืนนี้!

ข่าว

สิ่งที่ควรรู้ก่อนประชุดเฟดคืนนี้!

13 มิถุนายน 2561
 

ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดมีแนวโน้มสูงที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุมในคืนนี้ ซึ่งจะทราบผลเวลาประมาณตี 1 ตามเวลาประเทศไทย จากนั้นนายเจอโรม โพเวล ประธานเฟด จะมีแถลงการณ์หลังการประชุมตามมาเวลาประมาณ ตี 1 ครึ่ง

สิ่งที่ตลาดจะให้ความสำคัญเทียบเท่าหรือยิ่งกว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็คือสัญญาณเกี่ยวกับจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อๆไป โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่าหลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในคืนนี้ เฟดจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งภายในปี 2018 ขณะที่นักวิเคราห์อีกส่วนหนึ่งประเมินไว้ที่ 2 ครั้ง

ดังนั้น หากเฟดมีท่าทีใดๆที่เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ เช่น การปรับคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจหรือคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น รวมถึงการที่นายโพเวลประกาศว่าจะมีการจัดแถลงการณ์ทุกครั้งหลังการประชุม ก็จะเป็นการส่งสัญญาณเชิงคุมเข้มทางการเงินที่ตลาดกำลังเฝ้ารอ


จับตา Dot-Plot

เฟดจะมีการเปิดเผย Dot-Plot หรือตารางที่เฟดใช้คาดการณ์จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในปัจจุบัน ตัว Dot-plot มีการวางจุดไว้ทั้งหมด 3 จุดที่ค่อนข้างชิดกัน บ่งชี้ว่าเฟดมองการปรับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3 ครั้งในปีนี้ และมีจังหวะการปรับที่ค่อนข้างไร่เรี่ยกัน ดังนั้นหากมีการเคลื่อนไหวใดๆเกี่ยวกับตัว Dot-plot อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจพิจาณาเพิ่มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 1 ครั้งในช่วงปลายปี 2018 รวมเป็นทั้งหมด 4 ครั้ง


ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบัน

เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯให้มากขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.7สำหรับปี 2018 ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2/2018 ไว้มากกว่า 3% ส่วนอัตราว่างงานมีแนวโน้มที่จะถูกคงคาดการณ์ไว้ที่ 3.8% เท่ากับในเดือน พ.ค.

 สำหรับอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับคาดการณ์ได้มากขึ้นเล็กน้อย โดยปัจจุบันเฟดประเมินดัชนี PCE core inflation ไว้ที่ 1.9สำหรับปี 2018 ขณะที่ดัชนี PCE ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2ดัชนี CPIกลับเคลื่อนไหวสูงกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของเฟดที่ 2%

 

ถ้อยแถลงหลังการประชุม

นายเจอโรม โพเวล ประธานเฟด ได้มีการส่งสัญญาณออกมาก่อนหน้านี้ ว่าอาจพิจารณาจัดแถลงการณ์ขึ้นทุกครั้งหลังจบการประชุม ซึ่งสัญญาณดังกล่าวได้สร้างความแตกตื่นให้กับตลาดและหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นมา เนื่องจากนักวิเคราะห์ประเมินว่าเป็นการส่งสัญญานเชิงคุมเข้มทางการเงิน เนื่องจากเฟดต้องการสื่อสารกับตลาดมากขึ้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

 

สงครามทางการค้า

นายโพเวลมีแนวโน้มที่จะถูกสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้งทางการค้าที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้นักวิเคราะห์จะประเมินว่านโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากนานาประเทศและการตอบโต้จากประเทศเหล่านั้น อาจไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์มากนักก็ตาม  อย่างไรก็ตาม นายโพเวลอาจแสดงความกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวอาจย่ำแย่ลงจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ในอนาคต


ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved