สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2561

ข่าว

สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2561

14 มิถุนายน 2561

·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน 0.15% บริเวณ 110.19 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงเทขายทำกำไรก่อนหน้าการประชุมอีซีบี หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่มีส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้ง

สำหรับการประชุมอีซีบีคืนนี้ มีแนวโน้มที่อีซีบีจะมีการส่งสัญญาณการทยอยปรับลดการถือครองสินทรัพย์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 2.55 ล้านล้านยูโร

ด้านค่าเงินยูโรปรับสูงขึ้น 0.1% บริเวณ 1.1802 ดอลลาร์/ยูโร โดยรีบาวน์ขึ้นจากระดับ 1.1725 ดอลลาร์/ยูโร ที่อ่อนค่าลงหลังจากการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา

สำหรับดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.2% บริเวณ 93.525 จุด จากระดับสูงสุดเมื่อคืนที่ 94.028 จุด

·         รายงานจาก Straits  Times ระบุว่า นักกลยุทธ์มีการคาดการณ์กันว่า ถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี หลังเสร็จสิ้นการประชุม น่าจะกล่าวถึงแนวทางความตั้งใจจะสิ้นสุดโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ ท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการเมืองในอิตาลีที่เพิ่งก่อตัว

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ มองว่า ถ้อยแถลงเชิงคุมเข้มทางการเงินของอีซีบีจะหนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรขยับขึ้นได้ 7% ที่ระดับ 1.26 ดอลลาร์/ยูโร และอาจเห็นอีซีบีขยับอัตราดอกเบี้ย 0.15% ในช่วงเดือนก.ย.ปีหน้า

·         โฆษกประจำรัฐบาลจีนยืนยันว่าทางรัฐบาลจะจัดการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าร่วมกับตัวแทนจากสหรัฐฯอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่แต่อย่างใด ขณะที่ทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีการพูดคุยกับบรรดาที่ปรึกษาของเขาอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าจะเดินหน้านโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนแป็นมูลค่ากว่าพันล้านเหรียญหรือไม่

·         สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่า ยอดขายบ้านในจีนประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 23% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 5.3% ในเดือนเม.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายบ้านในเมืองขนาดเล็ก รวมถึงนโยบายที่มุ่งสนับสนุนให้คนเข้ามาทำงานในเมือง ขณะที่ยอดขายบ้านในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 9.5% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้

 ·         รัฐบาลจีนกำลังจับตามองการประกาศรายการสินค้าของพวกเขาที่จะถูกสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้า โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย นี้ แม้เศรษฐกิจจีนจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีได้ก็ตาม

โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินค้านำเข้าจากจีนอีก 25% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ มีเป้าหมายเพื่อลดยอดขาดดุลทางการค้ากับจีนที่มีมูลค่ากว่า 3.75 แสนล้านเหรียญ รวมไปถึงใช้การข่มขู่เกี่ยวกับสงครามการค้าเพื่อโน้มน้าวให้จีนยินยอมทำตามข้อเรียกร้อง

·         นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ยืนยันว่านโยบายคว่ำบาตรเกาหลีเหนือจะยังคงมีผลอยู่และจะไม่ผ่อนคลายลงจนกว่าเกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์

คำยืนยันดังกล่าวของนายปอมเปโอ ขัดแย้งกับถ้อยแถลงของรัฐบาลเกาหลีเหนืออย่างเห็นได้ชัด โดยสำนักข่าวในเกาหลีเหนือได้รายงานว่า สหรัฐฯจะยินยอมทยอยผ่อนคลายการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือลงจนกว่าเกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ รวมไปถึงการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯยืนยันจะยกเลิกการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้และยืนยันความปลอดภัยให้กับเกาหลีเหนือ

·         รายงานจาก Reuters ระบุว่า ผู้นำด้านการทหารจากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้จัดการเจรจาเกี่ยวกับการทหารขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษที่มีการจัดการเจรจาในหัวข้อดังกล่าวขึ้น หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศจะยกเลิกการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้หลังการประชุมร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือ

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณผลผลิต ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบจากจีนลดลง แม้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯและการลดลงของสต็อกน้ำมันดิบจะเป็นปัจจัยที่หนุนราคาก็ตาม

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลง 29 เซนต์ ที่ระดับ 76.45 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 7 เซนต์ ที่บริเวณ 66.57 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved