Trade War เสี่ยงจะกลายมาก่อให้เกิด Currency War ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนมากที่สุดในรอบ 2 ปี

ข่าว

Trade War เสี่ยงจะกลายมาก่อให้เกิด Currency War ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนมากที่สุดในรอบ 2 ปี

23 กรกฎาคม 2561
 


·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อจีนและยุโรปในการจัดการค่าเงินที่มีแนวโน้มจะใช้วิธีทำให้ค่าเงินอ่อนค่าและจะทำให้ภาวะ Trade War หรือสงครามทางการค้าเปลี่ยนแปลงไปสู่สภาวะ Currency War หรือสงครามค่าเงินแทน แต่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนก็กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวว่าประเทศอื่นๆนั้นมีความตั้งใจจะทำให้ค่าเงินของประเทศตัวเองนั้นอ่อนค่า

·         นักกลยุทธ์บางส่วน ระบุว่า นายทรัมป์ ดูจะตั้งใจพุ่งเป้าไปยังจีนและยุโรป ซึ่งในความเป็นจริงนั้น จีนไม่ได้อนุมัติให้ค่าเงินลอยตัวหรือเพื่อทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากขึ้นกว่าการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร

·         อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของค่าเงินหยวนในคืนวันศุกร์ดูจะเป็นการตั้งใจให้อ่อนค่า โดยมุมมองนักกลยุทธ์บางส่วนมองว่า จีนอาจอนุมัติให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่า เพื่อให้ตลาดสามารถตอบโต้ต่อภาวะสงครามทางการค้าและเศรษฐกิ

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะเปลี่ยนเป็นภาวะสงครามค่าเงิน หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิจีนและยุโรปอีกครั้งในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับความพยายามในการลดค่าเงินหยวนและยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์

คืนวันศุกร์ นายทรัมป์ ได้ทำการทวิตเตอร์กล่าวตำหนิจีน ยุโรป และประเทศอื่นๆที่พยายามลดค่าเงินหยวนของตนเอง ดังนี้



หลังจากนายทรัมป์ทำการแสดงความคิดเห็นเมื่อล่าสุดที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลงมากว่า 1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่  และบรรดานักกลยุทธ์ส่วนใหญ่เริ่มมองว่าสงครามการค้ากำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นสงครามค่าเงิน เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ปรากฎให้เห็นชัดในขณะนี้

ประธานฝ่ายบริหาร หรือ CEO จาก Exante Data ระบุว่า ข้อสงสัยดังกล่าวเป็นเพียงมุมมองที่ดูเหมือนจะเริ่มต้นขึ้น โดยเราจะได้ยินเกี่ยวกับภาวะ Trade War   มาอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ก็ดูเหมือนเริ่มจะได้ยินถึงสิ่งที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับเรื่องของค่าเงิน

จะเห็นได้ว่า ค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่าลงมาเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากภาวะ Trade War ท่ามกลางสหรัฐฯที่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่อื่นๆ และยิ่งเพิ่มมูลค่าให้แก่ค่าเงินดอลลาร์



ธนาคารกลางจีนมีการกำหนดค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ได้มากสุดไม่เกิน 2%ในระดับแข็งค่าหรืออ่อนค่า ซึ่งนักกลยุทธ์บางส่วน กล่าวว่า จีนดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจให้ค่าเงินอ่อนค่าแต่ก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะยุติการปรับอ่อนค่าของค่าเงินหยวนเช่นกัน ซึ่งประเด็นนี้ นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ไว้ว่า ประเทศคู่ค้าของเขากำลังใช้นโยบายอ่อนค่าพร้อมกับปรับให้เงินหยวนอ่อนค่าลง และนี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าสหรัฐฯกำลังเสียเปรียบจากประเด็นนี้

ขณะที่นักวิเคราะห์บางราย มองว่า จีนต้องการรักษาให้ระดับค่าเงินหยวนอ่อนค่าจากความกังวลที่จะเกิดกระแสเงินไหลออก จึงเห็นถึงการอ่อนค่าของค่าเงินหยวนผ่านการปรับค่ากลางเงินหยวน ขณะที่สถานการณ์ในยุโรปนั้นมีความแตกต่างกัน โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากการต่อสู้ทางการค้า  ท่ามกลางการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างเฟดและอีซีบี โดยอีซีบีมีแผนจะค่อยๆถอนนโยบาย QE ขณะที่เฟดมีแนวโน้มจะใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ดอกเบี้ยของยูโรปนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า



และนี่อาจเป็นวิธีเดียวสำหรับค่าเงินยูโรในการตอกกลับจากการโดนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้ายุโรป ขณะที่นายทรัมป์ กล่าวตำหนิการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด แต่ก็มีการกล่าวชมว่า นายเจอโรม โพเวลล์ เป็นคนดี และเขาก็ไม่ได้กล่าวว่าเฟดควรต้องทำอย่างไร และนี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่เกิดขึ้นในตลาดเกี่ยวกับทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ถึงแม้นายทรัมป์จะกล่าวถ้อยแถลงอย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.นี้ได้ แต่ตลาดก็เชื่อว่า หาก Trade War เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะทำให้เฟดมีการชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved