• ค่าเงินดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ที่ระดับ 112.625 เยน/ดอลลาร์ หลังจากร่วงลง 0.9% เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลหลักส่วนใหญ่ระดับ 93.425 จุด หลังจากปรับลดลง 0.7% จากระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ที่ระดับ 94.219 จุดเมื่อวานนี้
ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.1825 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากปรับแข็งค่าขึ้น 0.7% ในช่วงก่อนหน้านี้
• ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ECB มีแนวโน้มจะปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจยูโรโซนขึ้นในการประชุมคืนนี้ ขณะที่จะคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายไว้ดังเดิม
ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ที่ตลาดจะจับตามอง คืออัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนในปี 2020 ทีอาจขยายตัวขึ้นได้จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง โดยนักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ระดับ 1.7 – 1.8% ซึ่งอยู่ใกล้ระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของ ECB ที่ 2%
• พรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างนโยบายภาษีได้อย่างเป็นเอกฉันท์แล้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งร่างนโยบายนี้จะถูกนำไปลงมติในสภาคองเกรสเป็นครั้งสุดท้าย ภายในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ดี ร่างนโยบายฉบับนี้จะปรับลดระดับภาษีนิติบุคคลจาก 35% ลงสู่ระดับ 21% จากเดิมที่สัญญาไว้ที่ 20% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับการปรับลดภาษีที่เป็นที่พึงพอใจต่อภาคธุรกิจ รวมถึงปรับลดระดับเพดานการเสียภาษีของผู้ที่มีรายได้สูง จากเดิมที่ระดับ 39.6% ลงมาสู่ระดับ 37%
• ธนาคารกลางจีน ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นและกลางอีก 0.05% สู่ระดับ 2.5% และ 2.75% ตามลำดับ ภายหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบียของเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการไหลออกจากแหล่งเงินทุนภายในประเทศ
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.05% จะไม่ส่งผลต่อตลาดมากนัก และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ธนาคารกลางน่าจะหวังผลเชิงสัญลักษณ์เสียมากกว่า ที่จะหวังให้เกิดการเคลื่อนไหวในตลาด
ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนครั้งนี้ คล้ายกับการเคลื่อนไหวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟดเช่นกัน
• รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการปรับลดอัตราภาษีสำหรับบริษัทที่มีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างให้กับพนักงาน สู่ระดับ 20% จากเดิมที่ระดับ 30% เพื่อสนับสนุนให้การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนในประเทศสามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางแรงหนุนจากรายงานปริมาณน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 แต่อัตราการผลิตน้ำมันยังคงกดดันราคาน้ำมันไม่ให้ขึ้นเหนือระดับสูงสุดของปี 2015 ได้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 0.25% บริเวณ 56.74 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% บริเวณ 62.77 เหรียญ/บาร์เรล