รัฐบาลจีนกำลังจับตามองการประกาศรายการสินค้าของพวกเขาที่จะถูกสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้า โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการภายในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย นี้ แม้เศรษฐกิจจีนจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีได้ก็ตาม

โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินค้านำเข้าจากจีนอีก 25% คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ มีเป้าหมายเพื่อลดยอดขาดดุลทางการค้ากับจีนที่มีมูลค่ากว่า 3.75 แสนล้านเหรียญ รวมไปถึงใช้การข่มขู่เกี่ยวกับสงครามการค้าเพื่อโน้มน้าวให้จีนยินยอมทำตามข้อเรียกร้อง

ทางรัฐบาลจีนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯในทุกๆกรณี ก็ได้มีการไกล่เกลี่ยด้วยการรับรองว่าจากเพิ่มปริมาณการเข้าซื้อสินค้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า แม้สหรัฐฯจะปรับขึ้นภาษี แต่เศรษฐกิจจีนก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถรองรับผลกระทบจากนโยบายภาษีได้

“ตัวชี้วัดส่วนใหญ่ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่งมาก ประกอบกับความเชื่อมั่นภายในประเทศก็อยู่ในระดับสูง” Christopher Balding ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันในเมืองเซินเจิ้นกล่าว

“ดังนั้นผมจึงไม่คิดนายทรัมป์จะเลิกการผลักดันนโยบายภาษีตัวนี้ เนื่องจากเสียงคัดค้านในสภาสหรัฐฯไม่น่าจะเพียงพอให้เขาเปลี่ยนความคิด”

เศรษฐกิจจีนสามารถขยายตัวได้ 6.8% ในช่วงไตรมาสที่ 1/2018 มากกว่าอัตราที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ และยังสามารถคงอัตราการเติบโตได้ติดต่อกันถึง 3 ไตรมาส รวมทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจด้านอื่นๆก็ล้วนส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่ง

Stefan Hofer นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำ LGT Bank สาขาฮ่องกง ได้ประเมินให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอยู่ในระดับ “มั่นคงและแข็งแกร่ง” ในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมประเมินว่าปัจจัยความเสี่ยงในระบบการเงินที่หลายฝ่ายกำลังกังวล ทางรัฐบาลจีนก็ดูจะเริ่มควบคุมปัจจัยเหล่านั้นได้

“ทางทำเนียบทางมักจะทำอะไรที่คาดไม่ถึง รวมถึงเปลี่ยนแนวคิดได้อย่างรวดเร็ว” Hofer เตือน พร้อมคาดการณ์ว่านายทรัมป์น่าจะไม่ผลักดันนโยบายภาษีภายในวันศุกร์นี้ หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมกับเกาหลีเหนือมาหมาดๆ เพื่อป้องกันภาวะ Breakdown ของรัฐบาล

ถึงแม้สหรัฐฯจะเดินทางปรับขึ้นภาษีจริง ทางการจีนก็มีแนวโน้มที่จะตอบโต้ด้วยการออกนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ