· ราคาทองคำปรับขึ้น 1.5% ในคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับร่วงลงด้วยอัตรารายวันที่มากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง โดยราคาปรับขึ้นได้ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับลงจากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางการค้า

ราคาทองคำปิด +1.5% ที่ระดับ 1,405.22 เหรียญ ขณะที่ราคาสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิด +1.37% ที่ระดับ 1,408.3 เหรียญ

· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกมา 1.76 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 798.44 ตัน

· นักวิเคราะห์จาก GraniteShares ระบุว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ยังไม่คลีคลายลงด้วยดี รวมถึงการที่สหรัฐฯข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรป

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงการค้าใดๆที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะต้องมีผลประโยชน์ที่เอนเอียงมายังสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สหรัฐฯยังข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากยุโรปเพิ่มอีก 4 พันล้านเหรียญ ซึ่งจะบวกเพิ่มไปกับการข่มขู่ขึ้นภาษีครั้งก่อนในเดือน เม.ย. ที่ระบุไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านเหรียญ ท่ามกลางความขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นการจ่ายเงินอัดฉีดให้กับบริษัทผู้ผลิตอากาศยานที่ยืดเยื้อมายาวนาน

· นักวิเคราะห์จาก ActivTrades มีมุมมองว่า สัญญาณความขัดแย้งทางการค้าครั้งล่าสุดน่าจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำเนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้ รวมถึงการที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ ก็เป็นที่ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ

· ตลาดจะจับตาไปยังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ เพื่อหาแนวโน้มว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้หรือไม่

· นักวิเคราะห์จากธนาคาร UBS ระบุว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของสมาชิกในช่วงต่อไปนี้ จะมีผลกระทบกับตลาดอย่างมาก เนื่องจากเข้าใกล้การประชุมของเฟดที่จะเกิดขึ้นปลายเดือน ก.ค. นี้ นอกจี้ ประเด็นความขัดแย้งทางการค้า โดยเฉพาะอิหร่านกับสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่น่าจะช่วยหนุนการเข้าซื้อทองคำมากขึ้น

· ราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 0.45% ที่ระดับ 15.20 เหรียญ ขณะที่ราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.43% ที่ระดับ 1,553.60 เหรียญ

ราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 0.01% ที่ระดับ 830.11 เหรียญ หลังทำระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ไปเมื่อวันจันทร์